ใน บุหรี่ เต็มไปด้วยสารเคมีมากกว่าหลายพันชนิด ในจำนวนเหล่านี้มีถึง 60 ชนิดที่เป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen) มี 3 ชนิดที่สําคัญและรู้จักกันดีได้แก่
- polycyclic aromatic hydrocarbon (PAH)
- nitrosamine
- และaromatic amines
ซึ่งเมื่อเราสูดดมเข้าไปในร่างกายเป็นเวลานานๆ จะก่อให้เซลล์ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติกลายเป็น โรคมะเร็ง ได้ในเวลาต่อมา
ปัจจุบัน EPA (environmental protection agency) ของสหรัฐอเมริกาได้กําหนดให้ ควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งระดับA (class A carcinogen) หมายความว่า สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในคนได้แน่ ๆ ซึ่งมีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันได้ชัดเจน
โรคมะเร็ง ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ได้แก่
- มะเร็งปอด
- มะเร็งริมฝีปาก
- มะเร็งกล่องเสียง
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
- มะเร็งตับอ่อน
- มะเร็งไต
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งตับ
- มะเร็งเม็ดเลือด
- มะเร็งหลอดอาหาร
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งปอด
พบ 90% มาจากการสูบบุหรี่ และ 30% จากผลกระทบของบุหรี่มือสอง ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเสี่ยงเกิดมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 50 เท่าและผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่ต้องสูดดมควันบุหรี่เป็นประจํามีโอกาสเกิดมะเร็งปอดได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7-47% หรือเฉลี่ย 26%
- กลุ่มเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดจากการสูดดมควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อมมากที่สุดคือ หญิงที่แต่งงาน หรืออยู่กินกับชายที่สูบบุหรี่38-40 %
- การสูบบุหรี่แบบมีก้นกรองและแบบมีนิโคตินน้อยไม่ช่วยให้อุบัติการณ์การเกิดมะเร็งปอดลดลง พบว่า
- การสูบบุหรี่แบบนิโคตินน้อยมีโอกาสเกิดมะเร็งปอดชนิดadenocarcinoma สูง
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
พบอุบัติการณ์ของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในผู้ที่สูบบุหรี่สูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 1.5 – 3 เท่า ซึ่งสาเหตุเกิดจากเมตาโบไลต์ของaromatic amines ที่ได้รับจากควันบุหรี่
มะเร็งปากมดลูก
หญิงที่สูบบุหรี่มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าหญิงที่ไม่สูบบุหรี่ 3.42 เท่า เมื่อตรวจวิเคราะห์ปริมาณนิโคตินจากเมือกที่ปากมดลูกพบว่า ปริมาณนิโคตินที่ปากมดลูก(cervix) มีความสัมพันธ์กับโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งอื่น ๆ
สารก่อมะเร็งนิโคตินมีส่วนชักนําให้เกิดมะเร็ง(tumorpromotion) ได้โดยมีฤทธิ์เร่งการสร้างหลอดเลือดใหม่ (angioneogenesis) โดยกระตุ้น growth receptor และยับยั้งการตายของเซลล์ ( anti-apoptosis )
ในเซลล์เพาะเลี้ยง (cell culture) นิโคตินในปริมาณมากๆ สามารถทําลายสารพันธุกรรม (DNA) ได้โดยตรง (direct genotoxic agent) แต่เมื่อฉีดเข้าไปในสัตว์ทดลองกลับไม่พบผลการทําลาย DNAเชื่อว่าเป็นเพราะในร่างกายมีขบวนการซ่อมแซม DNA(DNA repairing)
นอกจากนี้นิโคตินยังเหนี่ยวนําให้เกิดมะเร็งผ่านการเกิดสารอนุมูลอิสระ (free-radical) โดยสารอนุมูลอิสระจะชักนําให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบภูมิต้านทานในการกําจัดเซลล์ที่มีการ กลายพันธุ์ (mutation) ไปเป็นเซลล์มะเร็ง
การที่นิโคตินมีฤทธิ์ยับยั้งการเกิดapoptosis นอกจากจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งแล้ว ยังทําให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบําบัดแบบมีฤทธิ์เร่งการเกิด apoptosis ไม่เห็นผลการรักษาอีกด้วย หากผู้ป่วยยังคงสูบบุหรี่ในขณะได้รับเคมีบําบัด
ควันบุหรี่ยังมีผลให้ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยกระตุ้นให้มีการหลั่ง VEGF (vascular endothelial growth factor) ทําให้เกิดการสร้างหลอดเลือดแทรกเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในก้อนมะเร็ง ในผู้ที่เป็นมะเร็ง การได้รับควันบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ส่วนอื่น (secondary cancer) เพิ่มความไวต่อการเกิดมะเร็งหลังได้รับการฉายรังสี ทําให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายได้เร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสกลับเป็นมะเร็งซ้ำ
นิโคตินยังทําให้หลอดเลือดหดตัว จึงมีผลให้แผลจากการเป็นมะเร็งหายชา
สารพิษจากควันบุหรี่ทําให้ยาเคมีบําบัดมีประสิทธิภาพลดลง โดยไปรบกวนเมตาโบลิซึมของยาในร่างกาย หรือไปออกฤทธิ์รบกวนการออกฤทธิ์ของยาโดยตรง
ควันบุหรี่ยังทําให้ภาวะเบื่ออาหารซูบผอม (cachexia) ในผู้ป่วยมะเร็งรุนแรงขึ้นด้วย
ศูนย์มะเร็งตรงเป้า – โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
โทรศัพท์ : 093-328-5561
หรือ : 02-115-2111 ต่อ 1169, 1170
แผนที่ : Google / รูปแผนที่ / เส้นทางเดินทาง
Facebook : HIFUCHULARAT
Line : hifu9000