การที่เราไม่สามารถเจาะเลือดหรือวัดความดันที่แขนข้างที่เคยผ่าตัดเต้านม (โดยเฉพาะผู้ที่ผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ร่วมด้วย) ได้นั้น มีเหตุผลทางการแพทย์ที่สำคัญ ดังนี้
เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงการเจาะเลือดหรือวัดความดันที่แขนข้างนั้น
⚠️ 1. เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแขนบวม (Lymphedema)
หลังการผ่าตัดเต้านมโดยเฉพาะแบบที่มีการตัดต่อมน้ำเหลือง (Axillary Lymph Node Dissection หรือ Sentinel Node Biopsy) การไหลเวียนของน้ำเหลืองในแขนข้างนั้นจะลดลง หากแขนถูกกระตุ้นหรือระคายเคือง เช่น ถูกบีบจากเครื่องวัดความดัน หรือเจาะเลือดซ้ำๆ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการคั่งของน้ำเหลือง จนทำให้แขนบวมเรื้อรัง
⚠️ 2. เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
เนื่องจากระบบระบายน้ำเหลืองทำงานลดลง แขนข้างนั้นจึงมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ หากผิวหนังถูกทะลุ เช่น การเจาะเลือด ฉีดยา หรือเกิดแผลแม้เพียงเล็กน้อย จะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อ เช่น Cellulitis ได้มากกว่าปกติ
⚠️ 3. การบีบรัดจากเครื่องวัดความดันอาจทำลายเส้นเลือดหรือเนื้อเยื่อ
แรงดันที่สูงจากเครื่องวัดความดันอาจกระทบต่อหลอดเลือดที่เปราะบางในแขนข้างนั้น และกระตุ้นให้เกิดการบวม อักเสบ หรือเจ็บปวดได้ง่ายขึ้น
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ผ่าตัดเต้านมแล้ว 📣
✅ ควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้งว่า “ผ่าตัดเต้านมข้างไหน”
✅ หลีกเลี่ยงการเจาะเลือด ฉีดยา วัดความดัน หรือฝังเข็มที่แขนข้างนั้น
✅ ควรใช้แขนอีกข้างแทนเสมอ
✅ ดูแลผิวหนังแขนข้างนั้นให้สะอาด ไม่ให้เกิดแผลหรือรอยขีดข่วน
“หลีกเลี่ยงการเจาะเลือดหรือวัดความดันที่แขนข้างที่ผ่าตัดเต้านม เพราะอาจทำให้แขนบวมเรื้อรังหรือติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะหากมีการตัดต่อมน้ำเหลืองร่วมด้วย”