เป็นมะเร็งสามารถนวดได้ไหม ?
ผู้ป่วยมะเร็งสามารถนวดได้ในบางกรณีเท่านั้น และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะตัดสินใจนวดใดๆ
เนื่องจาก“ร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งมีความเปราะบางและไวต่อการกระตุ้นในบางส่วน” การนวดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อน ดังนั้นการนวดในผู้ป่วยมะเร็งควรพิจารณาตามปัจจัยดังต่อไปนี้ :
1. ประโยชน์ของการนวดสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
• ลดความเครียดและความวิตกกังวล การนวดช่วยส่งเสริมการผ่อนคลายและปรับสมดุลในจิตใจ
• บรรเทาอาการปวด ช่วยลดความเจ็บปวดหรือผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อ
• ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง
• ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น การนวดที่เหมาะสมสามารถช่วยลดอาการนอนไม่หลับลงได้
2. ข้อควรระวังในการนวด
• หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นมะเร็ง ห้ามนวดตรงบริเวณที่มีเนื้องอกหรือจุดที่มีอาการเจ็บปวด
• ระวังจุดที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือฉายรังสี เช่น บริเวณที่ผิวหนังไหม้หรืออักเสบ
• ควรหลีกเลี่ยงการนวดที่แรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรืออาจกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายขึ้นได้
• ระวังภาวะแทรกซ้อนที่ตามมา เช่น ภาวะกระดูกเปราะบางในผู้ป่วยมะเร็งกระดูก หรือการอุดตันในระบบน้ำเหลือง
3. ชนิดของการนวดที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
• การนวดแบบเบา (Gentle Massage) การนวดที่ใช้การกดเบาๆ เพื่อช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย
• การนวดน้ำเหลือง (Lymphatic Drainage Massage) จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลือง ลดอาการบวม
• การสัมผัสเพื่อผ่อนคลาย (Therapeutic Touch) เน้นการสัมผัสเบาๆ เพื่อสร้างสมดุลในร่างกาย
4. ผู้ป่วยมะเร็งที่ควรหลีกเลี่ยงการนวด
• ผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด
• ผู้ที่มีแผลเปิด หรือแผลติดเชื้อ
• ผู้ที่มีภาวะกระดูกเปราะ หรือมะเร็งกระจายเข้าสู่กระดูก
• ผู้ที่มีอาการเหนื่อยล้ารุนแรงที่มาจากการรักษา
5. คำแนะนำเพิ่มเติม
• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะตัดสินใจนวด
• ควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเป็นคนนวดแทน
• หากมีอาการผิดปกติหลังการนวด เช่น ปวดมากขึ้น เวียนศีรษะ หรือมีอาการบวม ให้หยุดการนวดทันทีและแจ้งแพทย์โดยด่วน