โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
เกี่ยวกับศูนย์มะเร็งตรงเป้า
การดูแลรักษาที่ได้มาตรฐานระดับสากล
ศูนย์มะเร็งตรงเป้าโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2556 ให้บริการการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิด ตั้งแต่การผ่าตัด การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ยามะเร็งมุ่งเป้า ยาภูมิคุ้มกันบำบัด การตรวจและรักษาทางรังสีวิทยา (Interventional Radiology) เช่นการฉีดยาเคมีบำบัด อุดหลอดเลือดเลี้ยงมะเร็งตับ (TACE) โดยใช้รักษาร่วมกับการรักษามาตรฐานอื่น เพื่อให้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้นศูนย์มะเร็งตรงเป้าโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ให้บริการการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งมากกว่า 1,000 รายต่อปี จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นศูนย์มะเร็งที่รวมความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย โดยได้จัดตั้งเป็นทีมสหวิชาชีพที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาได้แก่ อายุรแพทย์โรคมะเร็ง อายุรแพทย์มะเร็งโลหิตวิทยา นรีแพทย์มะเร็งวิทยา ศัลยแพทย์ทั่วไป ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูก ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านช่องปากและลำคอ ศัลยแพทย์ระบบประสาท แพทย์รังสีร่วมรักษา แพทย์แผนจีน พยาบาล เภสัช นักกายภาพบำบัด นักเทคนิคการแพทย์ โภชนาการ และบุคลากรวิชาชีพอื่น ๆ เพื่อการรักษาแบบบูรณาการที่มีคุณภาพ
ทางศูนย์มะเร็งตรงเป้าฯเป็นหน่วยงาน one stop service กล่าวคือ ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยงานนี้เป็นหลัก โดยทางหน่วยงานจะดำเนินการประสานงานทีมแพทย์ และทีมสนับสนุนทุกสาขาเพื่อความสะดวกและรวดเร็วต่อผู้รับบริการ นอกจากนั้นยังมีทีมพยาบาลให้คำปรึกษาทาง Line และโทรศัพท์แก่ผู้ป่วยและญาติด้วยความเป็นกันเอง
ในอนาคตทางกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) ได้จัดเตรียมเพิ่มศักยภาพการดูแลผู้ป่วยของศูนย์มะเร็งตรงเป้าฯ โดยมีโครงการสร้างโรงพยาบาลมะเร็งสุวรรณภูมิ บนถนนกิ่งแก้ว ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปี พ.ศ.2563 จะทำให้เราสามารถให้บริการผู้ป่วยมะเร็งได้ดี และมีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น
ความพร้อมในการดูแลรักษาโรคมะเร็ง
ประเทศไทยพบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายสูงอันดับ 1 ของคนไทยต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2543 ประมาณร้อยละ 20 ของผู้เสียชีวิตทุกสาเหตุ ตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2553 ระบุว่าในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกชนิดเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 269,204 คน มากที่สุดคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ราว 50,000 คน รองลงมาเป็นมะเร็งท่อน้ำดี 40,500 คน มะเร็งเต้านม 36,000 คน มะเร็งปากมดลูก 22,000 คน และมะเร็งอวัยวะสืบพันธ์หญิง 16,000 คน มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งทุกชนิด 58,076 คน เป็นชาย 33,659 คน หญิง 24,417 คน
- มีเลือดออกหรือมีสิ่งขับออกจากร่างกายผิดปกติ เช่น ตกขาวมากเกินไป
- มีก้อนเนื้อหรือตุ่มเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งของร่างกายและก้อนเนื้อนั้นโตเร็ว
- มีแผลเรื้อรังรักษาหายยาก
- ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะผิดปกติ
- เสียงแหบหรือไอเรื้อรัง
- กลืนอาหารลำบากหรือทานอาหารแล้วไม่ย่อย
- มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝ
“หากมีอาการเหล่านี้ขอไปให้พบแพทย์โดยเร็ว”
จากข้อมูลในปี 2556 ของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 พบว่า มีผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 577 ราย ให้ยาเคมีบำบัดจำนวน 494 ราย โรคมะเร็งที่พบบ่อยได้แก่
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
- มะเร็งรังไข
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- มะเร็งตับและท่อน้ำดี
- มะเร็งปอด
- มะเร็งหลอดอาหาร
- มะเร็งโพรงจมูก

สารบ่งชี้มะเร็ง Tumor Markers คืออะไร?? ตรวจรู้ผลทันทีใน 1 ชั่วโมง
สารบ่งชี้มะเร็ง Tumor Markers
เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจทางการแพทย์ โดยตรวจจากเลือดหรือสารคัดหลั่งจากร่างกายมนุษย์ โดยใช้หลักการที่ว่า เนื้องอกในร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็ง มักจะปล่อยสารบางชนิดสู่กระแสเลือด ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นโมเลกุลของโปรตีน ซึ่งแตกต่างกันตามชนิดของเนื้องอก สารที่พบเหล่านี้สามารถตรวจพบโดยเซรั่มชนิดต่างๆ ตามชนิดของสารนั้นๆ
ประโยชน์ที่สำคัญของการเจาะเลือดตรวจ Tumor marker คือ
- การเจาะก่อนและหลังการรักษาเพื่อประเมินว่าการรักษาได้ผลหรือไม่ หากหลังการรักษาระดับลดลงแสดงว่าการรักษาได้ผลดี
- นอกจากนั้นยังใช้ติดตามการรักษา กล่าวคือหลังการรักษาได้สินสุดแล้วแพทย์จะนัดตรวจเลือดเป็นระยะเพื่อดูว่ามะเร็งกลับเป็นซ้ำอีกหรือไม่
- นอกจากนั้นระดับของ Tumor marker บางชนิดยังบอกความรุนแรงของโรคมะเร็ง
การตรวจเลือดที่นิยมตรวจกันได้แก่
Alpha-1-fetoprotein (AFP)
ใช้ในการตรวจกรองหาผู้ป่วยมะเร็งตับ (hepatoma) ในระยะเริ่มแรกก่อนที่จะมีอาการทางคลีนิค ใช้ตรวจในประชากรที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับสูง เช่น ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบ บี / ตับอักเสบเรื้อรัง / ตับแข็ง โดยควรมีการตรวจซ้ำทุก 3-6 เดือนต่อครั้งอาจพบค่า AFP สูงได้ในสตรีที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป / ทารกในครรภ์
Carcinoembryonic antigen CEA
พบได้เล็กน้อยในคนปกติ สารตัวนี้จะสูงในมะเร็งลำไส้โดยเฉพาะมะเร็งที่ได้แพร่กระจายไปแล้ว นอกจากนั้นยังใช้การเจาะเลือดหาสารตัวนี้เพื่อเฝ้าติดตามว่ามะเร็งกลับเป็นมาใหม่อีกหรือไม่ นอกจากนั้นยังพบสารนี้ในมะเร็งชนิดอื่นเช่น มะเร็งไฝ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นยังว่าว่ามีค่าสูงในภาวะที่ไม่ใช่มะเร็งได้แก่ ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ การสูบบุหรี่
Prostatic Specific Antigen (PSA)
เป็น tumor marker อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับการยอมรับให้ใช้ตรวจกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ในกลุ่มผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยแนะนำให้ตรวจ PSA ร่วมกับการตรวจคลำต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (digital rectal examination) และควรเจาะเลือดตรวจก่อนดำเนินการตรวจทางทวารหนัก เนื่องจากการกระทำใดๆ ต่อต่อมลูกหมาก เช่น การกดคลำ จะทำให้มีการปลดปล่อย PSA ออกจากต่อมลูกหมากมากกว่าปกติ เป็นผลให้ระดับ PSA ขึ้นสูงกว่าที่ควรจะเป็น
Carbohydrate antigen CA 19-9
พบสูงในโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน กระเพาะอาหาร และถุงน้ำดี ภาวะอื่นที่ทำให้ค่านี้สูงได้แก่ ตับอ่อนอักเสบ ตับแข็ง นิ่วในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีอักเสบ
Carbohydrate antigen CA 125
เกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่ การมีระดับสูงในซีรั่มมักพบในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ประมาณ 75 % และสัมพันธ์ดีกับขนาดของก้อนเนื้องอกและการกลับมาเป็นใหม่การตรวจหา CA125 ในการพยากรณ์โรค และติดตามผลการรักษาและการกลับมาเป็นใหม่ของ adenocarcinoma ของรังไข่ในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่อาจพบค่าสูงได้ถึง 13,000 U/ml. และหลังการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกค่า CA125 จะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 1 อาทิตย์ และกลับสู่ระดับ ปกติภายใน 3 อาทิตย์หลังการรักษา
Beta-human chorionic gonadotropin (beta-HCG)
ฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ซึ่ง beta-HCG จะมีค่าขึ้นสูงในหญิงมีครรภ์ แต่จะสูงมากในผู้ป่วยครรภ์ไข่ปลาอุก (molar pregnancy), ผู้ป่วยมะเร็งของเยื่อบุโพรงมดลูก (choriocarcinoma), มะเร็งของรังไข่ และ/หรือ อัณฑะ ชนิด teratogenic carcinoma รวมทั้งผู้ป่วยมะเร็งปอดบางรายก็สามารถตรวจพบ beta-HCG สูงเกินปกติได้ในคนปกติจะใช้ beta-HCG เป็น marker สำหรับตรวจสอบการตั้งครรภ์
CA15-3
สารนี้เป็นตัวที่ติดตามโรคมะเร็งเต้านมได้ดีที่สุดโดยเฉพาะมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายแล้ว เพราะมะเร็งในระยะเริ่มแรกค่าสารนี้จะไม่สูง
หลักการรักษามะเร็ง
การรักษามะเร็งถือเป็นงานท้าทายวงการแพทย์มากที่สุดโรคหนึ่ง เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่รักษายากหลักการรักษามะเร็งประกอบด้วย
1. การผ่าตัดรักษามะเร็ง
การผ่าตัดรักษามะเร็ง คือ การผ่าเอาเนื้อมะเร็งออกจากร่างกาย บางคนคาดหวังว่าหลังการผ่าตัดรักษามะเร็งแล้วจะหายขาด แต่การผ่าตัดรักษามะเร็งต้องปรึกษากับแพทย์ถึงเป้าหมายในการผ่าตัดรักษามะเร็ง ว่าหลังผ่าตัดแล้วจะรักษามะเร็งหายขาดหรือไม่ ?
การผ่าตัดรักษามะเร็งระยะเริ่มต้นจะหายขาด แต่ถ้ามะเร็งมีขนาดใหญ่หรือว่ามะเร็งบางชนิดมีการแพร่กระจายมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นการรักษามะเร็งอาจจะจำเป็นต้องให้เคมีหรือฉายแสงฆ่าเซลล์มะเร็งส่วนที่ตัด ออกไม่หมด
2. การฉายแสงรักษามะเร็ง
ผู้ป่วยที่ต้องการทำรักษามะเร็งโดยการฉายรังสี แพทย์รังสีจะเป็นผู้วางแผนการฉายรังสี การใช้รังสีรักษามะเร็งผู้ป่วยในผู้ป่วยแต่ละราย ระยะเวลารักษามะเร็งและขนาดของรังสีที่ใช้ในการรักษามะเร็งจะแตกต่าง ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง การตอบสนองและระยะมะเร็ง การฉายรังสีรักษามะเร็งต้องอาศัยระสบการณ์และความชำนาญเพื่อให้การรักษามะเร็งมีประสิทธิผลสูงสุด
การฉายรังสีรักษามะเร็งเป็นการรักษามะเร็งที่ไม่มีความเจ็บปวดไม่เสียเลือด และการรักษามะเร็งด้วยรังสีส่วนใหญ่เป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผลทางด้านรังสียังไม่เกิดขึ้นทันที แต่เมื่อผู้ป่วยมะเร็งได้รับการฉายรังสีเป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงจะเริ่มมีผลข้างเคียงหรือผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการฉายรังสี เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น เป็นต้น
3. เคมีบำบัด
เคมีบำบัด คือ การรักษามะเร็งด้วยยาเพื่อควบคุมหรือทำลายเซลล์มะเร็ง เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและทำลายเซลล์มะเร็ง การรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดอาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปากอักเสบ ผมร่วง มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของยา สภาวะความแข็งแรงของร่างกาย ความพร้อมทางด้านจิตใจของผู้ป่วยมะเร็งด้วย แพทย์จะสั่งใช้ยารักษามะเร็งชนิดใดขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งของมะเร็ง และสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็ง
ปัจจุบันการใช้ยารักษาโรคมะเร็งร่วมกันหลายชนิด จะให้ผลที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ยาชนิดเดียวยารักษามะเร็งมีทั้ง ชนิดน้ำ ชนิดเม็ด ชนิดฉีด ยารักษามะเร็งไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดมากไปกว่ายาที่ใช้รักษาโรคอื่นๆ แต่เนื่องจากกรรักษามะเร็งด้วยวิธีการหลักทั้ง 3 วิธีการยังมีปัญหาไม่สามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้ทุกราย บางรายที่ดูเหมือนอาการดีขึ้น ผ่านไปไม่กี่ปีโรคมะเร็งก็กลับมาเป็นอีก ดังนั้น การตรวจสุขภาพเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากตรวจพบมากขึ้นทุกวัน เชื่อว่าจะเพิ่มความหวังให้ผู้ป่วยมากขึ้นตามลำดับ
สถานที่รับบริการและความพร้อมของอุปกรณ์
หน่วยงาน One Day Chemotherapy ให้ยาเคมีบำบัด แบบไม่ต้องนอนค้างคืน โดยภายในห้องประกอบด้วย
- เก้าอี้สำหรับผ่อนคลาย 5 ตัว พร้อมเคเบิ้ลทีวี WiFi ให้ผ่อนคลาย
- ห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอก 3 ห้อง
- หอผู้ป่วยจำนวน 20 เตียง
- ห้องผ่าตัดใหญ่ 2 ห้อง
- ตู้ผสมยาเคมีบำบัดได้มาตรฐาน
ความพร้อมในการบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยมะเร็ง
- การให้การรักษาเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
- การให้คำปรึกษาเรื่องโภชนาการ
- การให้ความช่วยเหลือด้านสภาวะจิตใจ
- การดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ให้เกิดความสุขสบายลดภาวะทุกข์ทรมาน