อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับยาที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายหรือการกระตุ้นกระบวนการอักเสบเรื้อรังในระยะยาว ตัวอย่างมีดังนี้
- ยาฮอร์โมน (Hormonal Drugs) : ยาฮอร์โมนบางชนิดอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
- ใช้ในยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง
- เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หากใช้ในระยะเวลานานโดยไม่ควบคุม
- ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants)
- ใช้ในการรักษาผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
- ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสหรือการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
- แม้ว่าจะใช้รักษามะเร็ง แต่บางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งชนิดที่สอง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
- เกิดจากผลข้างเคียงต่อ DNA ของเซลล์ในร่างกาย
- ยารักษาโรคเรื้อรังบางชนิด
- ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) : หากใช้ในปริมาณสูงหรือระยะยาว อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารจนกลายเป็นแผลเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารในบางกรณี
- ยาไธโอพูรีน (Thiopurines) : ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด
- การใช้ยาปฏิชีวนะในปริมาณมากอาจทำลายสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลต่อการอักเสบเรื้อรังหรือระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็งลำไส้
- ยาแก้ปวดชนิด Opioids
- การใช้ระยะยาวอาจเกี่ยวข้องกับการลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เสี่ยงต่อมะเร็งบางชนิด
- ยาที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง
- ยาบางชนิด เช่น รานิทิดีน (Ranitidine) เคยถูกเรียกคืนเนื่องจากพบสารปนเปื้อน ไนโตรซามีน (Nitrosamine) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
คำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยง
- ปรึกษาแพทย์ : ใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น และหลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาดหรือระยะเวลาที่กำหนด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินความจำเป็น : โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะและยาแก้ปวด
- ตรวจสุขภาพประจำปี : เพื่อตรวจหาความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ
- อ่านเอกสารกำกับยา : เพื่อทราบถึงอาการข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น