อยากหายมะเร็ง หลักสำคัญอยู่ที่การกิน ‼😊
.
การดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งมีความพร้อมต่อการรักษาอีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาได้ด้วย ในการรักษาโรคมะเร็งนั้นนอกจากจะต้องกำจัดมะเร็งร้ายให้หมดไปจากร่างกายแล้ว ระบบภูมิต้านทานภายในก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน
ด้วยเหตุนี้ #บทบาทของโภชนาการและสารอาหารจึงมีความจำเป็น ” เหมือนกองทัพต้องมีเสบียงและการส่งกำลังบำรุงจึงจะชนะศึกได้ ” ในระยะต่าง ๆ ของการรักษามะเร็ง
.
#ประโยชน์ของอาหารกับการรักษามะเร็ง
.
👉ป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะและมวลร่างกายอื่น ๆ
👉ช่วยผู้ป่วยให้สามารถทนต่อการรักษาได้
👉ป้องกันผลข้างเคียงและผลกระทบในด้านโภชนาการ
👉คงความแข็งแรงและพลังงานของร่างกาย
👉รักษาความสามารถในการต้านทานการติดเชื้อ
👉ช่วยในการฟื้นฟูและรักษา
.
#อาหารที่มีประโยชน์ที่ผู้ป่วยมะเร็งควรรับประทาน
.
1. ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะอาจส่งผลให้แน่นท้องมากขึ้นได้
.
2. ผัก สามารถรับประทานผักใบเขียวได้ทุกชนิด แต่หากมีอาการท้องอืดมาก ควรเลือกผักที่ไม่มีเส้นใยมาก เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน บรอกโคลี่ เป็นต้น
.
3. คาร์โบไฮเดรต รับประทานได้ตามปกติ และควรเลือกชนิดที่ย่อยง่ายหากรับประทานได้น้อยมาก อาจดื่มนมเพิ่มเพื่อป้องกันน้ำหนักตัวลดลง อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องงดน้ำตาลเลยเด็ดขาด
.
4. ผลไม้ ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีเนื้อแข็ง หรือไม่มีเส้นใยมากจนเกินไป เช่น กล้วย ส้ม ชมพู่ หากรับประทานผลไม้สดลำบากอาจดื่มน้ำผลไม้แทนก็ได้ ที่สำคัญ คือ ควรนำผลไม้มาปอกเปลือกเองแทนการซื้อผลไม้ที่ปอกเปลือกไว้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อได้
.
5. โปรตีน อาจได้รับจากเนื้อสัตว์ที่ปรุงแบบความร้อนต่ำ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม ควรรับประทานให้เพียงพอซึ่งผู้ป่วยมะเร็งมีความต้องการโปรตีนสูงกว่าความต้องการของคนปกติอยู่แล้ว สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทที่มีผลแทรกซ้อนมาจากตับ เช่น ซึม การควบคุมตนเองผิดปกติควรได้รับโปรตีนในปริมาณที่จำกัดภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะนักกำหนดอาหาร เน้นแหล่งโปรตีนจากพืชมากกว่าสัตว์
.
#สรุปคือ ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อมะเร็งไปตลอด เช่น อาหารหมักดอง งดอาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม เป็นต้น รับประทานอาหารปรุงสุกสะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อนและสารพิษ เน้นรสชาติอ่อนๆ ไม่เค็มจัด หวานจัด ซื้อมาทำเองได้จะดีที่สุด อาหารต้องย่อยได้ง่าย แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยครั้งคือจากเดิมรับประทาน 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็นก็เพิ่มเป็นเช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น ก่อนนอน รสไม่จัดไม่กัดกระเพาะ ถ้าไม่มีข้อห้ามควรเสริมด้วยอาหารทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาซึ่งในท้องตลาดมีหลายชนิดทั้งแบบผง ปรับความเข้มข้นได้เองในแบบพร้อมดื่มและที่ราคาเหมาะสม ตามแบบที่ชอบโดยสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์มะเร็ง พยาบาล เภสัชและนักโภชนาการที่ทำการรักษาอยู่
.
#ยกตัวอย่างเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง✨
.
1. เน้นโปรตีนย่อยง่าย ปลา ไก่ เต้าหู้
.
ควรปรุงอาหารจากเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็ว และได้โปรตีนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เน้นปรุงจากเนื้อปลา ไก่ หรือเต้าหู้ เหล่านี้มีไขมันต่ำดีต่อสุขภาพ เพราะผู้ป่วยมะเร็งห้ามทานอาหารไขมันสูง เช่น กุยไช่ผัดฟองเต้าหู้ ปลาแซลมอนย่าง ปลานึ่ง ต้มซุปไก่ ปลาเก๋าต้มส้มใบมะขามอ่อน เป็นต้น
.
2. แกงเลียง แกงส้ม แกงเหลือง แกงป่า
.
มีงานวิจัยจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าอาหารไทยๆ ที่มีเครื่องแกงทำจากสมุนไพรไทย สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ได้แก่ แกงเลียง แกงส้ม แกงป่า เป็นต้น แค่ควรทานเพื่อป้องกัน หรือเสริมการรักษามากกว่า ไม่ใช่ยารักษาโรค โดยได้ทดลองในห้องปฏิบัติการด้วยการนำพริกแกงทั้ง 4 ชนิด ในรูปของน้ำแกง มาทดลองกับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในจานเพาะเชื้อ ผลการศึกษาพบว่า
.
#แกงป่า อัตราการรอดชีวิตของเซลล์มะเร็งอยู่ที่ 17.25% ตายธรรมชาติ 38% ตายผิดธรรมชาติ (ลุกลามไปยังเซลล์อื่น) 43.93%
.
#แกงส้ม อัตราการรอดชีวิตของเซลล์มะเร็ง 29% ตายธรรมชาติ 43% ตายผิดธรรมชาติ 27%
.
#แกงเหลือง อัตรารอดชีวิตเซลล์มะเร็ง 31% ตายธรรมชาติ 22% ตายผิดธรรมชาติ 46.13%
.
#แกงเลียง อัตรารอดชีวิตเซลล์มะเร็ง 57% ตายธรรมขาติ 38% และตายผิดธรรมชาติ 3.78%
.
3. น้ำผักผลไม้ นมถั่วเหลือง ซุป
.
ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่กินได้น้อยอยู่แล้ว ควรให้กินบ่อยๆ จึงจะได้สารอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ ถ้ายังทานอาหารหนักๆ ไม่ได้ ก็ให้เลี่ยงมาทานอาหารเหลวก่อน เช่น น้ำผักผลไม้รวม น้ำแตงโม+แครอต+บีตรูต น้ำส้มโอ น้ำส้มคั้น น้ำขึ้นฉ่าย น้ำข้าวกล้อง น้ำนมข้าวโพด ซุปข้าวโพด ซุปเห็ด นมถั่วเหลืองไม่ใส่น้ำตาล เป็นต้น หรือจะเป็นขนมปังโฮลวีทก็ได้ แต่ควรทานกับแยมผลไม้แท้ที่ไม่ผสมน้ำตาลเพื่อหลีกเลี่ยงรสชาติที่หวานเกิน
.
4. สลัดผักสดผลไม้สด
.
เพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติดี เช่น สลัดผักสด สลัดผลไม้สด ผลไม้สดหั่นชิ้นพอดีคำ เช่น แคนตาลูป ฝรั่ง มะละกอ เป็นต้น
.
5. โยเกิร์ต
.
เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายให้ผู้ป่วยด้วยโยเกิร์ต เพราะโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ มีงานศึกษาวิจัยพบว่าเชื้อแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในโยเกิร์ต สามารถสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรคได้ เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย ไม่ให้ร่างกายป่วยไข้ได้ง่าย แถมยังช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็ง ช่วยตรวจจับสารโลหะหนัก สารก่อมะเร็ง และกรดน้ำดี ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายได้