รอยช้ำเกิดขึ้นได้อย่างไร?

รอยช้ำเกิดจากการที่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตก ส่งผลให้เลือดไหลออกมาและสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง โดยปกติจะเกิดจากการกระแทกหรือบาดเจ็บ แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

รอยช้ำสามารถบ่งบอกมะเร็งอะไรได้บ้าง?

  1. มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)รอยช้ำที่เกิดขึ้นง่ายกว่าปกติ โดยไม่มีการกระแทก หรือมักมาพร้อมอาการอื่น เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดกำเดาไหล
  2. มะเร็งไขกระดูก (Multiple Myeloma) : รอยช้ำอาจเกิดจากการที่ระบบเลือดผิดปกติ เช่น การผลิตเกล็ดเลือดลดลง
  3. มะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma) : ระบบการแข็งตัวของเลือดอาจผิดปกติ ทำให้เกิดรอยช้ำง่าย

 

รอยช้ำเหล่านี้ป้องกันได้หรือไม่?

ไม่สามารถป้องกันรอยช้ำที่เกิดจากมะเร็งได้โดยตรง แต่สามารถลดความเสี่ยงมะเร็งด้วยการดูแลสุขภาพได้ เช่น

  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะหากมีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็ง
  • หลีกเลี่ยงสารเคมีอันตรายหรือพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่

 

รอยช้ำรักษาอย่างไร หรือหายได้เองหรือไม่?

  • รอยช้ำทั่วไป จากการกระแทกมักหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
  • หากรอยช้ำเกิดขึ้นเอง โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน หรือไม่หายไปในเวลาที่เหมาะสม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
  • การรักษามะเร็งหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของรอยช้ำ เช่น การให้เคมีบำบัด หรือการรักษาระบบเลือด จะช่วยลดปัญหารอยช้ำได้

 

สัญญาณที่ควรพบแพทย์ทันที

  • รอยช้ำเกิดขึ้นบ่อยและไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
  • มีเลือดออกง่าย เช่น เลือดกำเดาไหลบ่อย
  • รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย หรือมีไข้บ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม!