มะเร็งที่อยู่ใต้เล็บสามารถพบได้ในชาวเอเชีย หรือคนผิวดำแต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่เล็บที่มีแถบสีดำขึ้นมักจะยังไม่ถึงขั้นที่เข้าข่ายเป็นเนื้อร้าย แต่การตรวจดูเล็บเป็นประจำจะสามารถช่วยให้เราไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็วก่อนที่จะมีการลามไปที่อวัยวะอื่น หากมีเส้นขีด เป็นปื้นๆสีน้ำตาลหรือสีดำบนเล็บ ให้สังเกตความผิดปกติเพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาบริเวณเล็บ (nail melanoma) ได้
มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาบริเวณเล็บ (nail melanoma) พบได้ไม่บ่อย แต่มีความรุนแรงและแร่กระจายเร็ว ดังนั้นจึงเป็นโรคที่ควรได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการกระจายของเซลล์มะเร็งไปที่ต่อมน้ำเหลืองและบริเวณอื่นๆของร่างกาย
การวินิจฉัยอาศัยการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา สำหรับอาการแสดงที่ทำให้สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็ง เช่น เส้นสีน้ำตาล หรือดำบริเวณเล็บที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน สีไม่สม่ำเสมอ มีขนาดใหญ่มากกว่าหรือเท่ากับ 3 มิลลิเมตร พบอาการแสดงอื่น ๆ นอกจากเส้นสีน้ำตาลที่เล็บร่วมด้วย เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของผิวเล็บ มีเม็ดสีกระจายผิดปกติที่ขอบเล็บ (Hutchinson’s sign) มีแผล มีก้อน หรือเลือดออกง่ายเป็นต้น
โดยเฉพาะในคนที่เริ่มมีอาการครั้งแรกในวัยกลางคน หรือในวัยสูงอายุ ร่วมกับมีประวัติครอบครัวของการเป็นมะเร็งชนิดนี้มาก่อน ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็งได้ ดังนั้นกรณีที่พบเส้นสีน้ำตาลที่เล็บที่มีลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
วิธีการตรวจเล็บด้วยตัวเองสามารถยึดหลักง่าย ๆ ดังนี้
- แถบหรือเส้นสีน้ำตาลวิ่งตามความยาวของเล็บ: ตรวจดูว่าแถบสีน้ำตาลนั้นคมชัดดีหรือไม่ ถ้าคมชัดดีและมีความกว้างไม่เกิน 6 มม. ถือว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งค่อนข้างต่ำมาก หากแถบสีมีความกว้าง สีไม่สม่ำเสมอ ขอบไม่คมชัด หรือ มีการเปลี่ยนสีและขนาด แนะนำว่าควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเร็วที่สุด
- เม็ดสีบนจมูกเล็บ: หากสีน้ำตาลหรือดำเลอะขึ้นมาถึงจมูกเล็บ (Hutchinson’s sign) มักเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และ ควรไปพบแพทย์
- ก้อนเนื้อใต้เล็บ: อาจทำให้เล็บแยกออกจากฐานด้านล่าง ถ้าสังเกตเห็นว่าเล็บมีลักษณะนี้แนะนำว่าควรพบแพทย์เช่นกัน
การที่เล็บมีสีผิดปกติสามารถเกิดจากอะไรได้บ้างนอกจากมะเร็งผิวหนัง
การที่เล็บมีสีผิดปกติไม่จำเป็นต้องเกิดจากมะเร็งผิวหนังเสมอไป สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เล็บเปลี่ยนสีได้ มีดังนี้
- แถบเล็บดำที่เป็นหลาย ๆ นิ้ว อาจเกิดจาก
- เม็ดสีปกติในผู้ที่มีสีผิวเข้ม
- ผิวหนังอักเสบรอบ ๆ เล็บ สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนสีของเล็บได้
- อาจเป็นผลจากยาบางชนิดเช่น Azidothymidine (AZT) เป็นต้น
- ภาวะเลือดออกใต้เล็บ: มักเกิดในเล็บที่ได้รับการกระแทกบ่อย เช่น เล็บเท้าในกรณีที่ออกกำลังกายบ่อย เป็นต้น ภาวะนี้ส่วนใหญ่จะทำให้เล็บมีสีแดงเข้ม หรือ น้ำตาลเข้ม
- ภาวะเล็บเขียว: เกิดจากการติดเชื้อ แบคทีเรีย หรือเชื้อรา มักเกิดในเล็บมือที่มีการใช้บ่อย เช่น ในบุคคลที่ทำงานบ้านเป็นหลัก และ มือมีการเปียกชื้นตลอดเวลา เป็นต้น