มะเร็งหัวใจ (Cardiac cancer หรือ Heart cancer)
โรคร้ายที่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบได้น้อยมาก อีกทั้งยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค และปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่แน่ชัด ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง เช่น เหนื่อยง่าย หอบ ไอเรื้อรัง มีไข้ต่ำๆ หน้าบวม หรือขาบวมกดบุ๋มทั้งสองข้าง ฯลฯ ซึ่งหากพบอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์ เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที
มะเร็งหัวใจปัจจุบันที่พบส่วนใหญ่เป็นมะเร็งของอวัยวะอื่น แพร่รกระจายมาที่หัวใจ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม แต่ถ้าเป็นมะเร็งหัวใจเองส่วนใหญ่ เกิดจากเซลล์ผนังหลอดเลือดที่เรียกว่าAngiosarcoma ส่วนที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจเรียกว่า Rhabdomyosarcoma
มะเร็งหัวใจสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
- มะเร็งหัวใจปฐมภูมิ ได้แก่ มะเร็ง Angiosarcoma, Rhabdomyosarcoma, Fibrosarcoma, Malignant schwanoma, Mesothelioma
- มะเร็งหัวใจทุติยภูมิ (Secondary cardiac cancer หรือ Metastatic cardiac cancer) ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา มะเร็งหลอดอาหาร เป็นต้น
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค รวมถึงยังไม่ทราบว่าอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่แน่ชัด อาการของมะเร็งหัวใจ มักจะมาด้วยอาการเหล่านี้ ได้แก่
- เหนื่อยง่าย
- หอบ ไอเรื้อรัง
- มีไข้ต่ำๆ
- หน้าบวม คอบวม หลอดเลือดดำที่คอโป่ง
- ตับโต ท้องมานเพราะมีน้ำในช่องท้อง
- หรือขาบวมกดบุ๋มทั้งสองข้าง
การตรวจวินิจฉัยมะเร็งหัวใจ
- ที่สำคัญคือประวัติอาการของผู้ป่วย
- การตรวจสัญญาณชีพ
- การตรวจฟังเสียงเต้นของหัวใจด้วยหูฟัง
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- การตรวจเอคโคหัวใจ
- การตรวจสืบค้นอื่นๆ เพิ่มเติมตามดุลยพินิจของแพทย์ซึ่งเป็นการตรวจที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การตรวจภาพหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และหรือ เอ็มอาร์ไอ (MRI) การตรวจภาพและหลอดเลือดหัวใจ ด้วยการฉีดสีเข้าหลอดเลือดแดงง (Cardiac angiography)
- และการตรวจก้อนเนื้อ หรือรอยโรคด้วยการดูดเซลล์มาตรวจ ที่เรียกว่าการตรวจทางเซลล์วิทยา และ/หรือ การตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อ เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
มะเร็งหัวใจเองส่วนใหญ่ ไม่ค่อยตอบสนองต่อการฉายแสงและยาเคมีบำบัด จึงต้องใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัด เพื่อเอามะเร็งออกให้หมด
การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งงออกให้หมดเป็นการผ่าตัดเปิดหัวใจโดยตรง (Open heart surgery) และรักษาต่อเนื่องด้วยการให้ยาเคมีบำบัด ตามชนิดของแต่ละเซลล์มะเร็ง
ซึ่งการรักษาร่วม การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง จะขึ้นกับระยะของโรค ขนาดและชนิดของมะเร็ง อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างกายเกิดความผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป