มะเร็งปอด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับของคนไทย ( เป็นอันดับ 2 ในผู้ชายรองจากมะเร็งตับ และ เป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง ) การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง

การตรวจวินิจฉัย มะเร็งปอด

1. เริ่มโดยการตรวจสุขภาพ ซักประวัติ ตรวจร่างกาย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และตรวจเลือด และการตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ low-dose computed tomography (low-dose CT)

อาการเตือน..ที่มีความเสี่ยง “มะเร็งปอด”
ไอเรื้อรัง
ไอเป็นเสียง
หายใจติดขัดไม่สะดวก
แน่นหน้าอก
เสียงแหบ
ปวดกระดูก , ปวดศีรษะ

2. เมื่อพบความผิดปกติ แพทย์จะทำการยืนยันการวินิจฉัยด้วยการตรวจรังสี

• การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และการตรวจโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI): เป็นวิธีที่ช่วยให้แพทย์หาตำแหน่งและขนาดของก้อนเนื้อที่ผิดปกติในบริเวณปอดได้

• การตรวจด้วยเครื่อง PET scan (positron emission tomography scan): เป็นการฉีดโมเลกุลของสารกัมมันตภาพรังสีที่รวมกับน้ำตาลเข้าทางเส้นเลือด เซลล์มะเร็งปอดจะดูดซึมเอาน้ำตาลชนิดนี้ไว้อย่างรวดเร็วและมากกว่าเซลล์ปกติ ทำให้เกิดความแตกต่างของการเรืองแสงเฉพาะเซลล์มะเร็ง

3. การตัดชิ้นเนื้อปอดออกมาตรวจเพื่อแยกชนิดของมะเร็งปอด มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) พบประมาณ 15% และมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก ( Non-small cell lung cancer; NSCLC) พบได้ 85% ของมะเร็งปอดทั้งหมด

การตัดชิ้นเนื้อปอดเพื่อเก็บชิ้นเนื้อหรือการเจาะชิ้นเนื้อส่งตรวจทำได้หลายวิธี

1 การตัดชิ้นเนื้อเพื่อวิเคราะห์ (biopsy)

2 การใช้เข็มขนาดเล็กตัดชิ้นเนื้อ (fine-needle aspiration)

3 การส่องกล้องตรวจภายในหลอดลม (bronchoscopy)

4 การใช้เข็มเจาะช่องเยื่อหุ้มปอดแทงผ่านผนังทรวงอก (thoracentesis)

5 การตรวจช่องกลางทรวงอกโดยการส่องกล้อง (mediastinoscopy)

6 การตรวจช่องทรวงอกโดยการส่องกล้อง (thorocoscopy)

ศูนย์มะเร็งตรงเป้า – โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต

โทรศัพท์ : 093-328-5561
หรือ : 02-115-2111 ต่อ 1169, 1170
แผนที่ : Google / รูปแผนที่ / เส้นทางเดินทาง
Facebook : HIFUCHULARAT
Line : hifu9000