การที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้ที่ดูแข็งแรงดี แต่กลับตรวจพบว่าเป็นมะเร็งก่อนอายุ 50 ปี (Early-onset Cancer) นั่นก็เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ และการกินอาหารของคนสมัยนี้ ส่งผลให้เสี่ยงต่อมะเร็งมากกว่าคนยุคก่อน โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้
เสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม ปัจจัยเสี่ยงคือนอนน้อยลง นอนไม่ค่อยเป็นเวลา และการทำงานเป็นกะ หิวดึก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งทำให้ร่างกายไม่ได้พักตามเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างการนอนน้อยและการเกิดมะเร็งเต้านมคือการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศหญิง การนอนน้อยลงสามารถเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเพศหญิงได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมได้ หากเกิดการเติบโตไม่ปกติของเซลล์มะเร็งในเต้านมและไม่มีการควบคุมดีเพียงพอ อาจทำให้เกิดการเป็นมะเร็งเต้านมได้
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าการนอนน้อยลงและนอนไม่ค่อยเป็นเวลาอาจส่งผลให้เกิดอาการอ้วน เนื่องจากความผิดปกติในระบบฮอร์โมนและการควบคุมความหิวภายในร่างกาย การอ้วนเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สามารถเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้ การสะสมไขมันในร่างกายส่วนเกินอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเพศหญิงภายในร่างกาย ซึ่งอาจกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็งในเต้านม นอกจากนี้ การอ้วนยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในการพึ่งพาสารอาหารและฮอร์โมนอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้มีการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ในเต้านม
เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งศีรษะและลำคอจากเทรนด์การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ที่มากขึ้น ดังนี้
- มะเร็งลำไส้
- การดื่มสุรา การดื่มสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับมะเร็งลำไส้ การดื่มสุรามากเกินไปหรือการดื่มสุราเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ เนื่องจากแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในสุราสามารถทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อในลำไส้ และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติในเซลล์เหล่านั้น
- การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เชื่อกันว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ สารเคมีที่มีอยู่ในบุหรี่ เช่น นิโคทีน อาจทำลายเนื้อเยื่อลำไส้และเปลี่ยนแปลงเซลล์ในลำไส้ได้ ซึ่งอาจเป็นเส้นทางสู่การเกิดมะเร็งลำไส้
- มะเร็งตับอ่อน – การดื่มสุรา การดื่มสุรามากเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับการเป็นมะเร็งตับอ่อน แอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในสุรามีฤทธิ์เป็นพิษต่อตับ ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติในเนื้อเยื่อตับ ซึ่งอาจเป็นเหตุการณ์เกิดมะเร็งตับอ่อนได้
- มะเร็งช่องปากและลำคอ – การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับการเป็นมะเร็งช่องปากและลำคอ สารเคมีในบุหรี่ เช่น นิโคทีน และสารพิษอื่นๆ อาจทำลายเนื้อเยื่อในช่องปากและลำคอ และเปลี่ยนแปลงเซลล์ได้ ซึ่งอาจเป็นส่วนที่ส่งผลให้เกิดมะเร็งช่องปากและลำคอ
เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งไต มะเร็งเยื่อบุโพรงจมูก มะเร็งไขกระดูก จากการออกกำลังกายน้อยลงนั่งมากขึ้นจากเดิม 7 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งตอนนี้ตัวเลขขยับขึ้นเป็น 8.2 ชั่วโมงแล้วนะเพราะดังนี้
- มะเร็งไต
- ความเครียด การออกกำลังกายน้อยลงและการนั่งมากขึ้นอาจเกิดจากสภาวะที่เครียดและการทำงานที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน การเครียดสามารถเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ระบบภายในร่างกายไม่สมดุล ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งไต
- การระดมสารพิษ การนั่งเป็นเวลานานอาจทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลง ซึ่งอาจทำให้สารพิษหรือสารตกค้างในร่างกายสะสมและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งไต
- มะเร็งเยื่อบุโพรงจมูก – การนั่งเป็นเวลานาน การนั่งเป็นเวลานานส่งผลให้บุโพรงจมูกเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันและการเสื่อมสภาพของเซลล์บุโพรงจมูก ซึ่งอาจเป็นเส้นทางสู่การเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงจมูก
- มะเร็งไขกระดูก – กิจกรรมที่นั่งเยอะ การนั่งเป็นเวลานานและกิจกรรมที่ไม่มีการออกกำลังกายเพียงพออาจทำให้เกิดการลดกระดูกและเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งไขกระดูก
เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง จากเทรนด์การกินอาหารแบบตะวันตกมากขึ้น เช่น เนื้อแดง, อาหารแปรรูป, เน้นชีสหนัก ๆ, ติดหวานมันทุกสิ่ง เป็นต้น
- เนื้อแดงและอาหารแปรรูป สารเคมีริสโตรล์ เนื้อแดงและอาหารแปรรูปมักมีปริมาณริสโตรล์สูง สารเคมีนี้เป็นตัวเร่งการเกิดเซลล์มะเร็งและเปลี่ยนแปลง DNA ทำให้เกิดการเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ชีสและอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว เช่น ชีสหนัก ๆ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ เนื่องจากไขมันอิ่มตัวสามารถก่อให้เกิดการเกาะเอาลักษณะต่างๆ ในลำไส้ใหญ่ได้
- อาหารที่มีความหวานและมัน น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต: การบริโภคอาหารที่มีความหวานและคาร์โบไฮเดรตสูง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด และสร้างสภาพที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้