Immunotherapy for Stomach Cancer

การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด

ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) คือการใช้ยาที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในวิธีการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดที่สำคัญคือการใช้ยาที่เรียกว่า “ยายับยั้งจุดตรวจภูมิคุ้มกัน” (Immune Checkpoint Inhibitors) ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับมะเร็ง

ยายับยั้งโปรตีน PD-1 (PD-1 Inhibitors)

ยาที่ออกฤทธิ์ต่อโปรตีน PD-1 บนเซลล์ภูมิคุ้มกัน (T cells) มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เซลล์ T ไม่ทำลายเซลล์ปกติของร่างกาย แต่ในบางครั้งเซลล์มะเร็งอาจใช้จุดตรวจภูมิคุ้มกันนี้เพื่อหลบซ่อนจากการโจมตีของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ยายับยั้ง PD-1 จะช่วยยับยั้งโปรตีนนี้และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น

Nivolumab (Opdivo)

Nivolumab ใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลาม โดยมักใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด(Chemotherapy)

  • วิธีใช้: ฉีดยาผ่านทางหลอดเลือดดำทุก 2-3 สัปดาห์

Pembrolizumab (Keytruda)

Pembrolizumab ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลามในกรณีต่าง ๆ ดังนี้:

  • เมื่อเซลล์มะเร็งตรวจไม่พบ HER2: ใช้ร่วมกับเคมีบำบัด
  • เมื่อเซลล์มะเร็งตรวจพบ HER2 และโปรตีน PD-L1: ใช้ร่วมกับเคมีบำบัดและยา trastuzumab
  • ใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอื่น ๆ แล้วแต่ยังไม่หาย และเซลล์มะเร็งตรวจพบความผิดปกติทางพันธุกรรม ได้แก่ MSI-H (Microsatellite Instability) หรือ TMB-H (Tumor Mutational Burden) ซึ่งแสดงถึงการมีการกลายพันธุ์ของยีนจำนวนมาก
  • วิธีใช้: ฉีดยาผ่านทางหลอดเลือดดำทุก 3 หรือ 6 สัปดาห์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่:

  • อ่อนเพลียหรือรู้สึกไม่มีแรง
  • มีไข้
  • ไอ
  • คลื่นไส้
  • คันหรือมีผื่นบนผิวหนัง
  • เบื่ออาหาร
  • ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
  • หายใจลำบาก
  • ท้องผูกหรือท้องเสีย

ผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่เกิดขึ้นไม่บ่อย ได้แก่:

  • ปฏิกิริยาระหว่างการฉีดยา: คล้ายกับอาการแพ้ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ผิวแดง มีผื่น เวียนศีรษะ หายใจติดขัด หากเกิดอาการเหล่านี้ ควรแจ้งแพทย์ทันที
  • ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันทำร้ายร่างกายตัวเอง (Autoimmune Reactions): ยานี้ทำงานโดยการกำจัดจุดตรวจภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ปอด ลำไส้ ตับ ไต ต่อมฮอร์โมน ผิวหนัง และอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

หากเกิดผลข้างเคียงรุนแรง แพทย์อาจหยุดการรักษาและให้ยา corticosteroids เพื่อกดภูมิคุ้มกัน การแจ้งให้แพทย์ทราบถึงอาการที่ผิดปกติต่าง ๆ อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษา