การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 2 ในเพศหญิง รองจากมะเร็งเต้านมนับเป็นมะเร็งที่มีอันดับการเสียชีวิตค่อนข้างสูง การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อคัดกรองระยะของโรค เข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงที ลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้ยังช่วยส่งเสริมให้สตรีเห็นความสำคัญของการป้องกันโรค การสังเกตอาการที่ผิดปกติ ที่ควรมาพบแพทย์ เป็นต้น
วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูก
1.ตรวจ PAP SMEAR เป็นวิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายไม้พายตักไอติม ป้ายบริเวณปากมดลูก เพื่อเก็บเซลล์ ป้ายใส่สไลด์ ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ระยะเวลารอผลประมาณ 5-7วัน ถ้าผลปกติควร ตรวจติดตามทุก 1 ปี ถ้าผลตรวจพบเซลล์ลักษณะที่ผิดปกติ แพทย์จะนัดมาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยการส่องกล้องดูลักษณะของปากมดลูก (Colposcope)
2.ตรวจ Thin Prep เป็นวิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายขนแปรงเล็กๆ ป้ายเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูก วิธีนี้อุปกรณ์ที่ใช้จะทำให้เก็บเซลล์ได้ในปริมาณที่ละเอียดมากขึ้น เพาะเชื้อในน้ำยาด้วยเทคนิคพิเศษ ความแม่นยำสูงกว่าการตรวจ PAP SMEAR รอผลตรวจ ประมาณ 10 วัน
3.ตรวจ HPV DNA วิธีนี้การเก็บเซลล์ใช้วิธีเดียวกันกับการตรวจ Thin Prep ส่วนใหญ่จะตรวจคู่กันเป็น Thin Prep + HPV DNA ข้อดีของการตรวจ HPV DNA ทำให้เราทราบถึงการติดเชื้อ HPV เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก และไวรัสชนิดอื่น ที่ก่อให้เกิดโรคหูด เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ช่วยให้ทราบว่าเรามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ใด ก่อนที่จะพัฒนากลายไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ทำให้เข้าถึงการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น และทำให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดความรุนแรง อัตราการเสียชีวิตได้
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก
- หลีกเลี่ยงการตรวจมะเร็งปากมดลูก ในช่วงก่อน –หลัง มีประจำเดือน 1 สัปดาห์ ลดความคลาดเคลื่อนของการแปลผลในช่วงฮอร์โมนแปรปรวน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธุ์ก่อนวันมาตรวจ 1วัน ป้องกันการอักเสบของปากมดลูก
- งดสวนล้างช่องคลอด เหน็บยาฆ่าเชื้อ 2 วัน
- ล้างทำความสะอาดอวัยวะก่อนตรวจ ปัสสาวะทิ้งให้เรียบร้อย
ควรตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เพื่อคัดกรองหาเชื้อไวรัส และเซลล์มะเร็งปากมดลูก ช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ลดความรุนแรงของโรคได้