การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับ ผู้ป่วยมะเร็ง

1. ควรฉีดเมื่อไร ?
• แนะนำให้ฉีด ก่อนฤดูระบาดของไข้หวัดใหญ่ (ช่วงต้นฤดูฝนและต้นฤดูหนาว)
• หากอยู่ระหว่างการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด โดยเฉพาะในกรณีที่รับเคมีบำบัดหรือยากดภูมิ
• หากกำลังรับเคมีบำบัด ควรฉีดวัคซีนก่อนเริ่มเคมีบำบัด 2 สัปดาห์หรือรอ 2-3 สัปดาห์หลังให้ยา เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น

2. ประเภทของวัคซีนที่เหมาะสม
• ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับวัคซีนชนิด เชื้อตาย (Inactivated Influenza Vaccine – IIV) เท่านั้น
• ห้ามฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูกที่เป็น เชื้อเป็นแบบอ่อนฤทธิ์ (Live Attenuated Influenza Vaccine – LAIV) เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไปปลอดภัย แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น

• ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด (พบได้บ่อย)
• มีไข้ต่ำ ๆ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย (เกิดขึ้นชั่วคราว 1-2 วัน)
• ปวดศีรษะและคลื่นไส้ (พบได้น้อย)
• แพ้วัคซีนรุนแรง (anaphylaxis) (พบได้น้อยมาก เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ผื่นขึ้น ควรรีบพบแพทย์)

การดูแลตัวเองหลังฉีดวัคซีน

• ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
• หากมีอาการปวดแขนบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นหรือรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้
• หลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่ฉีดทำกิจกรรมหนักในวันแรก
• หากมีอาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก ผื่นลาม หรือหน้าบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

“วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีสำคัญในการป้องกันโรคสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ควรเลือก วัคซีนชนิดเชื้อตาย และฉีดในช่วงเวลาที่เหมาะสม ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดเสมอ และดูแลตัวเองให้ดีหลังฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง”